วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

ซื้อบ้านไว้ลงทุนคุ้มค่าจริงหรือ

การลงทุนคือความเสี่ยง  ยิ่งการลงทุนกับอสังหาฯ ซึ่งมีราคาสูงก็นับว่ามีความเสี่ยงมาก  ลองมาเปรียบเทียบเหตุผลกันดูสักนิด  ก่อนคิดลงทุน



การซื้อบ้านนอกจากการใช้เป็นที่อยู่อาศัยแล้วยังถือ เป็นการลงทุนอีกประเภทหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ภาวะดอกเบี้ยเงินฝากตกกราวรวดอย่างเช่นใน ปัจจุบัน มักจะเห็นคนถอนเงินจากธนาคารไปลงทุนด้วยวิธีการอื่นๆ แทน อาทิ การลงทุนในพันธบัตร การลงทุนในตลาดทุนหรือการลงทุนในหุ้น การลงทุนในตราสารหนี้ การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ การซื้อทอง รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

สาเหตุที่การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความน่าสนใจ เพราะปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังเริ่มฟื้นตัวอยู่ในช่วงขาขึ้น แนวโน้มของราคาสินทรัพย์มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราผลตอบแทนในการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 10-20% (จากการให้เช่าโดยที่ยังไม่รวมกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่อาจเกิดใน อนาคต) ในขณะที่มีปัจจัยเอื้อให้การซื้ออสังหาริมทรัพย์มีราคาที่ต่ำลง ได้แก่

การซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในยุคปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารอยู่ที่ประมาณ 2% หากถอนเงินจากธนาคารมาลงทุนซื้อบ้านไว้สักหนึ่งหลังเพื่อปล่อยให้เช่าใน อัตรา 1% ของราคาบ้านที่ซื้อ เช่น ซื้อบ้านมา 500,000 บาท ปล่อยเช่าในอัตรา 1%ของราคาซื้อเท่ากับ 5,000 บาทต่อเดือน ในเวลา 1 ปี จะได้ผลตอบแทนคิดเป็น 12% ของราคาซื้อบ้านที่ลงทุนไป ซึ่งคุ้มค่าการการฝากเงินถึง 10%

ผู้คนจำนวนหนึ่งที่มองการซื้อบ้านเป็น "การลงทุน" ประเภทหนึ่ง รวมไปถึงการเก็งกำไร ถ้าเป็นกรณีนี้ก็จะต้องพิจารณากันมากเป็นพิเศษ ต้องกะเก็งกันว่า แถวไหนให้ผลตอบแทนดี และต่อไปราคาจะขึ้นมากมั้ย เป็นประเด็นสำคัญในการลงทุน กล่าวคือ ในการลงทุนบ้านหรือในอสังหาริมทรัพย์จะต้องพิจารณาผลตอบแทน 2 ส่วน

1. ผลตอบแทนในช่วงที่เราถือครอง

พิจารณาจาก "ค่าเช่าสุทธิ" ที่ได้รับต่อปี ซึ่งไม่ควรต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารหรือดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาล ไม่งั้นก็ไปฝากเงินแบงก์หรือซื้อพันธบัตรรัฐบาลดีกว่า อันนี้ฝรั่งมันเรียกว่า Return on Investment 
2. ผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาอสังหาริมทรัพย์เมื่อขายเทียบกับราคาซื้อมา
เรียกว่า Return of Investment  ยกตัวอย่างหากซื้อบ้านมาในราคา 1,000,000 บาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า ขายต่อได้ 1,500,000 บาท ก็จะทำกำไรได้อีก เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องคาดการณ์อนาคต ถึงแนวโน้มของราคาอสังหาริมทรัพย์หรือวัฎจักรอสังหาริมทรัพย์ (Property Cycle) ว่าบ้านประเภทใด ระดับราคาใด ทำเลใด จะมีแนวโน้มดี แถวไหนจะรุ่ง แถวไหนจะริ่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ราคาขึ้นได้มากน้อย
หลักการง่ายๆ ของการลงทุน หรือการเก็งกำไรก็คือ ต้องซื้อให้ถูก และขายแพง ซึ่งทุกคนทราบดี แต่เมื่อไรจะราคาถูก (และควรซื้อไว้) เมื่อไรราคาแพง (และควรขายทำกำไร) เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องศึกษาภาวะตลาดและคาดการณ์ถึงแนวโน้มในอนาคตว่าจะรุ่ง หรือริ่ง (เสียดายที่วันนี้คงไม่ได้มีโอกาสพูดถึง Property Cycle) ไม่ใช่ไปซื้อในขณะที่ราคาแพงแล้วเอาไว้ขายตอนราคาถูก (อันนี้เรียกว่า “แมงเม่า”)


                                 ที่มา : http://www.thaihomeonline.com/article/guide/752/
                                 แหล่งข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น